คิงส์ คัพ ทัวร์นาเมนต์ ลองทีมครั้งสุดท้ายของทีมชาติไทย
ฟุตบอลไทยลีก เตะไปได้ 3 นัด กลับมาพักช่วงสั้นๆ ให้กับโปรแกรมทีมชาติไทย ที่มีศึกสำคัญกับ ทัวร์นาเมนต์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ซึ่งจะเป็น การลองทีมครั้งๆ ท้าย ก่อนจะไปเจอศึกใหญ่กับ เอเชียน คัพ
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีดราม่าเล็กๆ หลัง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ประกาศแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ นั่งแท่นประธานเทคนิคเฉพาะฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่างเป็นทางการ โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย
โดย คิงส์ คัพ จะแข่งขันในระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2566 ทีมชาติไทย จะพบกับ เลบานอน ส่วนอีกหนึ่งคู่จะเป็นการเจอกันระหว่าง อิรัก กับอินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกคู่แข่งที่ลองทีมได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะใน เอเชียน คัพ ‘ช้างศึก’ อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมชาติตะวันออกกลางทั้ง 3 ทีม
ดังนั้นผู้เล่น 23 คนที่ มาโน่ โพลกิ้ง เรียกติดธงไตรรงค์ในครั้งนี้ล้วนเป็นผู้เล่นที่เขาต้องการจะใช้งาน และเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย อยู่แล้ว ไล่แต่ผู้รักษาประตู 3 คน ได้แก่ ฉัตรชัย บุตรพรม, ปฏิวัติ คำไหม 2 ตัวหลักที่ยึดตำแหน่งเอาไว้อยู่แล้ว จะมีเปลี่ยนแปลงก็แค่เพียงดึงหน้าใหม่อย่าง จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ จาก ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มเซฟยอดเยี่ยมระดับ 10 เซฟ เข้ามาแทนตัวที่หลุดไปอย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล หลังฟอร์มกับสโมสรไม่ค่อยดีนัก แม้จะยึดมือ 1 มายาวๆ ก่อนหน้านี้
กองหลัง คาดว่าจะเป็นคู่เดิมคือการเลือก พรรษา เหมวิบูลย์ ยืนคู่กับ กฤษดา กาแมน ที่เก่งในการขึ้นจังหวะขึ้นเกม โดยมี เฉลิมศักดิ์ อักขี และเอเลียส ดอเลาะ คอยสแตนบายข้างสนาม ส่วนแบ็กทั้งสองข้างก็คงจะหนีไม่พ้น นิโคลัส มิคเกลสัน ที่กำลังยึดตัวจริง และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ โอบี โอเดนเซ ขนาบข้างกับ ธีราทร บุญมาทัน
ซึ่งในตำแหน่งแบ็กของทีมชาติไทย ค่อนข้างจะยืดหยุ่น เพราะในสโมสรตอนนี้ มิคเกลสัน ถูกจับไปเล่นนตำแหน่งแบ็กซ้าย ส่วน ‘เจ้าอุ้ม’ ก็สามารถขยับไปเป็นตัวสร้างสรรค์เกมในตำแหน่งกองกลางได้ ด้านแบ็กสำรองก็จะเป็นคิวของ นิติพงษ์ เสลานนท์ และพีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ในรายแรกไม่เท่าไหร่ แต่ในรายหลังอย่าง พีระพัฒน์ ก็มีเสียงจากแฟนบอลถามมาแล้วว่าไม่มีตัวที่ดีกว่านี้แล้วหรือ
กองกลางแน่นอนตำแหน่งตัวจริงน่าจะออกมาในระบบ 3 กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และชนาธิป สงกระสินธ์ พร้อมกับตัวสำรองระดับท็อปที่รอเปลี่ยนจังหวะทั้ง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ,วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และปกเกล้า อนันต์
ริมเส้น มาโน่ เลือกใช้ บดินทร์ ผาลา ยืนคู่กับ สุภโชค สารชาติ ในรายหลังน่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงได้แน่นอน เพราะล่าสุด เพิ่งยิง 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ ให้กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร โดยมี ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ เป็นตัวสลับ นอกจากนี้เฮดโค้ชชาวบราซิล ยังตัดสินใจเรียกผู้เล่นหน้าใหม่อีกหนึ่งคนอย่าง รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก จากสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ขึ้นมาติดทีมชาติไทยชุดนี้ หลังเป็นอีกหนึ่งคนที่โชว์ฟอร์มดีในไทยลีกทั้ง 3 นัดที่ผ่านมา
กองหน้าคงจะหนีไม่พ้น ธีรศิลป์ แดงดา โดยมี ปรเมศย์ อาจวิไล เป็นตัวสำรอง ที่น่าเสียดายคือในตำแหน่งนี้ผู้เล่นที่ต้องการไม่ได้เข้าแคมป์ทีมชาติด้วยหลายๆ ปัจจัย ทั้ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เตรียมตัว และต้องการการปรับตัวกับ โอเอช ลูเวิน ที่เบลเยี่ยม หรือศุภชัย ใจเด็ด ท่ีเจ็บไหล่ของถอนตัวออกจากทีมชาติไปหลังเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
จากที่ไล่รายชื่อผู้เล่นทั้ง 23 คน จะเห็นได้ว่า ไม่มีคำว่าทดลองทีมสำหรับ มาโน่ โพลกิ้ง แม้ว่าจะมีโปรแกรมอุ่นเครื่องอีกหนึ่งครั้งในช่วงเดือนตุลาคม ที่ได้บินไปอุ่นกับชาติในยุโรปทั้ง ทีมชาติจอร์เจีย และทีมชาติเอสโตเนีย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าหาก มาโน่ โชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจ ‘มาดามแป้ง’ ก็พร้อมปรับในตำแหน่งหัวเรือใหญ่ทันทีก่อนที่จะแข่ง เอเชียนคัพ โดยมีตัวเต็งก็คือ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่นั่งแท่นประธานเทคนิครออยู่แล้วนั้นเอง
ทางมาโน่ ก็ระบุว่าเขาพร้อมทำงานร่วมกับ อิชิอิ แต่ในบทสัมภาษณ์ก็บ่งบอกถึงความกังวลอยู่ลึกๆ
“ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกันอยู่แล้วเพราะ อิชิอิ เป็นโค้ชที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และดีใจที่ได้เขามาทำงานร่วมกันผมยังมีสัญญาถึงเดือนมีนาคม 2567 หวังว่าจะสามารถอยู่ไปจนถึงตอนนั้นได้”
โปรแกรมที่ใหญ่ที่สุดของทีมชาติไทย ที่เกริ่นไปข้างต้นคือ เอเชียน คัพ 2023 ที่ ‘ช้างศึก’ อยู่ในกลุ่มหนักทั้ง ซาอุดิอาระเบีย, คีร์กีซสถาน และโอมาน แม้ว่าจะไม่ได้มีผลถึงการคัดเลือกฟุตบอลโลก แต่ก็เป็นตัวชี้วัดระดับของ ทีมชาติไทย กับระดับเอเชีย ได้เป็นอย่างดี
เขียนโดย The Lite Team.